top of page

โอวาทนาคภาคฤดูร้อน 2566

วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม)

โอวาทนาคภาคฤดูร้อน 2566

รูปภาพนักเขียน: Works OfartWorks Ofart

“นาค”  คือผู้ที่มีความพร้อมที่จะได้บรรพชา อุปสมบท ในพระธรรมวินัย และมีสิทธิ์นุ่งห่มผ้ากาวพัสตร์อย่างมีศักดิ์ศรี อย่างมีคุณค่า  โดยมี พ่อ-แม่ ปู่-ยา ตา-ยาย ฯลฯ ให้คำแนะนำ อบรมบ่มนิสัย ส่งเสริม ให้เรามีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา  และการบวชที่สมบูรณ์ได้จะต้องให้ “จิตของเราสัมผัสกับพระกรรมฐาน” เพื่อให้เกิดปัญญาตามแนวทางของไตรสิกขาตามแนววิปัสสนากรรมฐาน โดยการ “รักษาศีล เจริญภาวนา” กับการมีสติทุกลมหายใจเข้า-ออก  มีสติทุกก้าวเดิน  ด้วยความเพียร ด้วยความอดทนบารมีธรรมเหล่านั้นก็เข้าสู่ชีวิตเรา หรือที่เรียกว่า “เอาความดีเข้าสู่ใจ” หรือเรียกว่า “ชาร์ตพลังบุญ พลังธรรมะ และพลังของพระรัตนตรัยให้กับตัวเอง” เราก็จะได้ “บุญ” มาก สามารถแผ่บุญกุศลให้พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย และแบ่งบุญให้กับผู้อื่นได้ รวมถึงสรรพสัตว์เพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย ฯลฯ


อุปมาเหมือนน้ำนิ่งในเขื่อนใหญ่   แต่เมื่อปล่อยน้ำออกจากเขื่อนน้ำก็ไหลลงสู่ท่อ ทำให้ไดนาโมปั่นแล้วเกิดกระแสไฟฟ้า เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย อุปมาเหมือนเรามีโทรศัพท์ถ้าเราไม่ชาร์ตแบตเตอรี่ โทรศัพท์ยี่ห้อดีแค่ไหนก็ไม่สามารถใช้งานได้ แต่ถ้าเราชาร์ตแบตเตอรี่เราก็สามารถใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อกับผู้ที่เรารู้จักได้ เช่น พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ฯลฯ    และอาจติดต่อผู้ที่เราไม่รู้จักได้ซึ่งเขาอาจจะได้รับหรือไม่รับก็ได้ขึ้น  





เรามาบวช  เราก็มีความดี หรือมีบุญ ๓ ประการ คือ

๑. ความดีแก่ตน  จากการฝึกตนเองด้วยความบากบั่น พากเพียร เพื่อให้เกิดสติปัญญา คือ การเว้นทุกอย่าง ทำความดีทุกอย่าง  

๒. ความดีต่อพ่อแม่  เพราะร่ายกายคืออวัยวะน้อยใหญ่ของเราเติบโตมาจากเซลล์ของพ่อแม่ เติบใหญ่ด้วยการเลี้ยงดู ปลูกฝังความดี อบรมให้การศึกษาของพ่อแม่ มาทำความดี ด้วยการ “ฝึกตัดตัวเองออกจากพ่อแม่ครอบครัว” ให้ตนเองแข็งแกร่ง สามารถพึ่งตัวเอง ดูแลตัวเอง บังคับตัวเอง สอนตัวเองได้ เป็นต้น ทำให้พ่อแม่ได้บุญด้วย  อุปมาเหมือนชาวบ้านที่เขาตอนกิ่งไม้ พอกิ่งไม้มีรากงอก ชาวสวนก็ต้องตัดกิ่งนั้นมาเลี้ยงเป็นต้นไม้ต้นใหม่ มีราก มีเหง้าของตนเอง หากินเองได้ ดูดน้ำ ดูดอาหาร ดูดอากาศ หายใจเองได้ เพื่อที่จะได้เป็นต้นไม้ต้นพันธ์ที่ดีต่อไป  “กายเป็นของพ่อแม่ จิตใจเป็นของเรา”    

๓. ความดีต่อพระศาสนา  เป็นศาสนาทายาทของพระสงฆ์ เพราะพระสงฆ์ไม่มีครอบครัว เมื่อมาบวชเป็นพระภิกษุ เกิดความศรัทธาเลื่อมใสในธรรมะ ไม่ลาสิกขาลาเพศ ก็สามารถสืบทอดทายาทโดยสายแห่งธรรม


.......


วันนี้นาคทั้งหลาย ผู้มีความพร้อมที่จะได้เป็นผู้บวชในธรรมวินัย ที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ๑๓ นาค  เป็นสามเณรอีก ๔๕ นาค  และศีลจาริณีอีก ๑๔ คน รวม ๖๘ ชีวิต โดยมี พ่อ-แม่ ปู่-ยา ตา-ยาย ฯลฯ ให้คำแนะนำ อบรมบ่มนิสัย ส่งเสริม ให้เรามีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาโดยการมาบวช  และการบวชที่สมบูรณ์ได้จะต้องให้ “จิตของเราสัมผัสกับพระกรรมฐาน” โดยการรักษาศีล สมาธิ เจริญภาวนาเพื่อให้เกิดปัญญาตามแนวทางของไตรสิกขาตามแนววิปัสสนากรรมฐาน เราจึงจะมีสิทธิ์นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์อย่างมีศักดิ์ศรีและมีคุณค่า  เพื่อมาเอาพลังบุญ หรือพลังธรรมะ หรือพลังของพระรัตนตรัย เพื่อให้มีความเจริญในพระธรรมวินัยด้วยการ  

 



 

 นอกจากนี้เรามาบรรพชาอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระนางเจ้าสิริกิตต์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แด่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีและที่สำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นวันประสูติของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งพระองค์มีพระชนมายุได้ ๖๗ พรรษา (ผู้เข้าโครงการ ๖๘ )

และการบวชสามารถบวชได้ทุกเวลา –เช้า-สาย-บ่าย-เย็น-ค่ำ ด้วยการเปล่งวาจา

“เอสาหัง ภันเต”     ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอถึงสมเด็จพระผู้มีพระภาค แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานนานแล้วพระองค์นั้น ขอถึงพระธรรม ของถึงพระสงฆ์ว่าเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ขอพระสงฆ์จงให้บรรพชา และอุปสมบทแก่พระเจ้าในพระธรรมวินัยนี้ด้วยเถิด”


“ทุติยัมปาหัง ภันเต”  แม้ครั้งที่สอง ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอถึงสมเด็จพระผู้มีพระภาค แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานนานแล้วพระองค์นั้น ขอถึงพระธรรม ของถึงพระสงฆ์ว่าเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ขอพระสงฆ์จงให้บรรพชา และอุปสมบทแก่พระเจ้าในพระธรรมวินัยนี้ด้วยเถิด”

“ตะติยัมปาหัง ภันเต” แม้ครั้งที่สาม ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอถึงสมเด็จพระผู้มีพระภาค แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานนานแล้วพระองค์นั้น ขอถึงพระธรรม ของถึงพระสงฆ์ว่าเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ขอพระสงฆ์จงให้บรรพชา และอุปสมบทแก่พระเจ้าในพระธรรมวินัยนี้ด้วยเถิด

เราประกาศตนและขอย้ำเป็นครั้งที่ ๒ และครั้งที่ ๓ ต่อหน้าพระภิกุสงฆ์ว่า  ประกาศตนต่อหน้าสงฆ์ว่า  “เราจะขอนับถือพระพุทธเจ้า นับถือพระธรรม และนับถือพระสงฆ์ ประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์ท่าน ละชั่ว ทำดี ทำใจให้บริสุทธิ์ เพื่อความเจริญในพระธรรมวินัยนี้”







เมื่อเรามาบวช เรามีเป้าหมายเพื่อมาเอาพลังบุญ หรือพลังธรรมะ หรือพลังของพระรัตนตรัย เพื่อให้มีความเจริญในพระธรรมวินัยด้วยการ “รักษาศีล เจริญภาวนา” หรือที่เรียกว่า “เอาความดีเข้าสู่ใจ” ที่เรียกว่า “ชาร์ตพลังบุญให้กับตัวเอง” เราก็จะได้ “บุญ” มาก ก็สามารถแผ่บุญกุศลให้พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย และแบ่งบุญให้กับผู้อื่นได้ รวมถึงสรรพสัตว์เพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย ฯลฯ   อุปมาเหมือนเรามีโทรศัพท์ถ้าเราไม่ชาร์ตแบตเตอรี่ โทรศัพท์ยี่ห้อดีแค่ไหนก็ไม่สามารถใช้งานได้ แต่ถ้าเราชาร์ตแบตเตอรี่เราก็สามารถใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อกับผู้ที่เรารู้จักได้ เช่น พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ฯลฯ    และอาจติดต่อผู้ที่เราไม่รู้จักได้ซึ่งเขาอาจจะได้รับหรือไม่รับก็ได้ขึ้น   หรือ อุปมาเหมือนการเปิดไฟฉายเพื่อส่องทางให้เราเดิน แต่ถ้าเราส่องไฟฉายขึ้นท้องฟ้าก็ไม่ได้ประโยชน์

การฝึกให้เรามีสติทุกลมหายใจเข้า-ออก  มีสติทุกก้าวเดิน  พลังของสติด้วยความเพียร ด้วยความอดทนบารมีธรรมเหล่านั้นก็เข้าสู่ชีวิตเรา  ทำให้เกิดสมาธิ และเกิดปัญญา ซึ่งจะซึมซับสู่จิตใจให้มีกำลังมากขึ้น ทำให้จิตใจเราสงบ-มีสมาธิ-เยือกเย็น-จิตใจดี สามารถชนะปัญหา โรคภัยไข้เจ็บได้   และมีกำลังมหาศาลที่จะแผ่บุญไปถึงทุกคน อุปมาเหมือนน้ำนิ่งในเขื่อนใหญ่   แต่เมื่อปล่อยน้ำออกจากเขื่อนน้ำก็ไหลลงสู่ท่อ ทำให้ไดนาโมปั่นแล้วเกิดกระแสไฟฟ้า เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้ หรืออุปมาเหมือนเราฝึกกำลังแขนเพื่อให้แขนมีกำลัง

ความดี หรือบุญจากการบวช มี ๓ ประการ คือ


๑. ความดีแก่ตน  คือ เป็นประโยชน์แก่ตนจากการฝึกตนเอง ศึกษาความรู้ จากการอ่าน การฟัง ด้วยความบากบั่น พากเพียรจากประสบการณ์ตรงด้วยการกระทำของเรา เพื่อให้เกิดสติปัญญา คือ การเว้นทุกอย่าง ทำความดีทุกอย่าง   

๒. ความดีต่อพ่อแม่  เป็นประโยชน์แก่พ่อแม่ หมายถึง ร่ายกายคืออวัยวะน้อยใหญ่ของเราเติบโตมาจากเซลล์ของพ่อแม่ เติบใหญ่ด้วยการเลี้ยงดู ปลูกฝังความดี อบรมให้การศึกษาของพ่อแม่   “กายเป็นของพ่อแม่ จิตใจเป็นของเรา”  เราเอากายคืออวัยวะน้อยใหญ่ที่พ่อแม่ให้มาทำความดีด้วยการฝึกฝนให้แข็งแกร่ง  สามารถพึ่งตัวเอง ดูแลตัวเอง บังคับตัวเอง สอนตัวเองได้ สอนตัวออกบอกตัวเป็น สามารถยืนหยัดเลี้ยงตัวเองได้ หรือที่เรียกว่า “ฝึกตัดตัวเองออกจากพ่อแม่  ออกจากครอบครัวด้วยการบวช มาฝึกฝนตนเอง” ทำให้พ่อแม่ได้บุญด้วย  อุปมาเหมือนชาวบ้านที่เขาตอนกิ่งไม้ พอกิ่งไม้มีรากงอก ชาวสวนก็ต้องตัดกิ่งนั้นมาเลี้ยงเป็นต้นไม้ต้นใหม่ มีราก มีเหง้าของตนเอง หากินเองได้ ดูดน้ำ ดูดอาหาร ดูดอากาศ หายใจเองได้ เพื่อที่จะได้เป็นต้นไม้ต้นพันธ์ที่ดีต่อไป  

๓. ความดีต่อพระศาสนา  เป็นศาสนาทายาทของพระสงฆ์ เพราะพระสงฆ์ไม่มีครอบครัว เมื่อมาบวชเป็นพระภิกษุได้รับธรรมะ เกิดความศรัทธาเลื่อมใส ไม่ลาสิกขาลาเพศ ก็สามารถสืบทอดทายาทโดยสายแห่งธรรม

ฉะนั้นการที่เรามีชีวิตอยู่ก่อนที่เราจะละสังขาร เราต้องทำความดี ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะพระภิกษุสงฆ์ สามเณร แม่ชี โยคี อุบาสก อุบาสิกา ก็ได้ชื่อว่าเราได้ต่ออายุพระพุทธศาสนา เราก็บุญ และสามารถเราอธิษฐานเพื่อแผ่บุญกุศลให้พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย และแบ่งบุญให้กับผู้อื่นได้ รวมถึงสรรพสัตว์เพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย ฯลฯ 

การบวชจะมีความสมบูรณ์ต้องให้ “จิตของเราสัมผัสพระกรรมฐาน” เราจึงมีสิทธิ์นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ เพื่อทุกคนจะได้นุ่งห่มกาสาวพัสตร์อย่างมีคุณค่า อย่างมีศักดิ์ศรี

 

เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ        ตโจ ทันตา นขา โลมา เกสา

เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ        ตโจ ทันตา นขา โลมา เกสา

เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ        ตโจ ทันตา นขา โลมา เกสา


พวกเรามีทุกคนมีร่างกายทั้งอวัยวะน้อยใหญ่  ที่มาจากเซลล์ของพ่อแม่  เกสา (ผม) โลมา (ขน)  นขา (เล็บ)  ทันตา (ฟัน) ตโจ (หนัง) เป็นอวัยวะที่เราเห็นได้ด้วยตาเป็นของปฏิกูลไม่สะอาด ถ้าเราไม่อาบ ไม่ล้าง ไม่ขัด ไม่สี ก็ไม่สะอาด เป็นบ่อเกิดของโรค และก่อให้เกิดทุกข์    

 



 
 
 

Comments


logo.png

วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) เลขที่ 1 หมู่ 5 ต. สุเทพ

อ. เมือง จ. เชียงใหม่ 50200

เวลาทำการของสำนักงาน  เวลา 7:00 น.-17:00 น.

เมนูหลัก

หน้าแรก

รู้จักเรา

วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม)

กิจกรรมประจำปี

วิปัสสนากรรมฐาน

Vipassana Course

เมนูหลัก

ภารกิจของคณะสงฆ์ 6 ด้าน

ระเบียบการเข้าปฏิบัติธรรม

ห้องธรรมะครูบาอาจารย์

โรงเรียนพระปริยัติธรรม

ติดต่อ สอบถาม ร่วมบุญ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

ติดต่อ / ลงทะเบียน เข้าปฏิบัติธรรม
สำนักงานแม่ชี (ปฏิบัติธรรมหญิง)

หรือที่สำนักงานสงฆ์ (ปฏิบัติธรรมชาย)

เวลา 7:00 -8:00 น.  ทุกวัน ยกเว้นวันพระ

พิธีรับพระกรรมฐาน และรับศีล 8

เวลา 8:00 น. ของทุกวัน ยกเว้นวันพระ

พิธีลาศีล 8 (กลับบ้าน) และรับศีล 5

เวลา 6:00 น. (หลังทำวัตรเช้า) ของทุกวัน

ติดต่อโทร.

สำนักงานแม่ชี  062-216 8339  

สำนักงานสงฆ์  062 263 7723

สำนักงานฝ่ายต่างประเทศ 082 1857 701

Worldwideweb-128px.png
Email-128px.png

แผนที่ภายใน วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม) 

map.jpg

การเดินทาง

©2022 by วัดร่ำเปิง ตโปทาราม. All Right Reserved.

  • Facebook
  • Instagram
  • YouTube
bottom of page